-->
ผู้อ่านคือลมหายใจของนักเขียน

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เมา


            
            เกือบทุกการเดินทาง ผมเป็นไอ้ขี้เมาเสมอ
            ทั้งที่ตัวจริงเสียงจริงก็ไม่เคยลิ้มรสน้ำเมา จะไม่เชื่อก็ไม่ว่า แต่ห้ามลบหลู่ พนันกันได้ ด้วยช้าง Export 3 ขวดเท่านั้นนะ
            เอาเป็นว่าไม่เคยเมาเหล้า เพราะไม่เคยกิน แต่เมาสิ่งอื่นอยู่เป็นนิจ อย่าคิดว่าเป็นเมารัก เพราะเรื่องนั้นผมคอทองแดง ทองแดงแบบสายล่อฟ้า ดื่มเมื่อไร โดนผ่ากลางใจเมื่อนั้น
            วัตถุที่ทำให้ผมเมาบ่อยที่สุดคือรถตู้ ไม่ได้เอามันเข้าปากแล้วเมา แต่พอเข้าไปอยู่ตอนมันวิ่ง จึงเมา
            เมารถไม่เหมือนเมาเหล้า อยากเมาก็ดื่ม ไม่อยากเมาก็หยุด แต่นั่งๆ อยู่ในรถ ไม่ได้อยากเมามันก็เหมือนถูกจับกรอกปาก ครั้นอยากหยุดเมา ให้บอกคนขับว่า พอแล้ว เลิกมอมรถตู้กูซะที ก็กลัวจะทำเสียบรรยากาศผู้โดยสารคนอื่นที่เขากำลังกรึ่มๆ เคลิ้มๆ วงรถตู้กำลังครื้นเครง
            ทางแก้มีอยู่ไม่กี่ทาง ผมลองมาหมด ทั้งดมยา กินยา ทายา (ขี้ยามาก) ไม่ค่อยหาย แต่มีวิธีหนึ่งที่ค่อนข้างได้ผลคือ นั่งให้ใกล้คนขับมากที่สุด
            ไม่ใช่ว่าคนขับจะแผ่รัศมีเจ้าของรถออกมาให้หายเมา แต่มันเป็นเพราะยิ่งใกล้คนขับเท่าไร ใจมันยิ่งหวั่นไหว “ไม่ใช่!” มันก็ยิ่งอยู่หน้ารถเท่านั้นต่างหาก การสั่นไหวน้อยกว่าข้างหลัง ก็มึนน้อย เมาช้าลงอีกนิด
            แต่บางทีถึงคราวซวย เปิดประตูเข้ามาป๊าบบบ...
            คิดในใจ “นั่งกันหน้าสลอนเลยนะพวกเอ็ง” เหลือที่ว่าง 4 ที่ แถวหลังสุด ซึ่งมาก่อนไม่ใช่จะได้เลือก ต้องนั่งเข้าด้านในเพื่อเติมเต็มเบาะที่ว่างเปล่า ด้านนอกก็เว้นไว้ให้คนถัดไปเขามานั่งสิ
            ที่ตรงนั้น แถวหลัง ขวาสุด ที่บั้นท้ายของเราอยู่เหนือล้อรถของเขาพอดี ตำแหน่งตรงนี้ไม่ธรรมดา ผมเทิดทูนให้เป็นตำแหน่งประทับใจที่สุดในการเดินทางเชียวล่ะ
            ประการแรก นั่งชิดติดขอบหน้าต่าง เหมือนจะดี ชมนกชมไม้ ชมล้อรถบรรทุกที่แล่นมาขนาบเคียงชิดใกล้ แต่เอาเข้าจริง หัวแทบซบกับผนังรถตู้ รถกระตุกทีหัวก็โยกไปโขกที วัดกันไปเลยว่าระหว่างสมองคนนั่งกับโครงรถตู้อะไรจะนิ่มกว่ากัน
            4 จตุรที่หลังสุดนี่ไม่ธรรมดา ยกสูงขึ้นมา เปรียบกับโรงหนังก็เป็นตำแหน่งที่บัตรราคาแพงกว่าปกติ เป็นตำแหน่ง VIP ฮันนีมูนซีทก็ปานนั้น แต่ชีวิตมันไม่ราบรื่นแบบนั้น รวมถึงที่นั่งตรงนั้นก็ไม่ได้สำราญก้นเท่าไร เรียกได้ว่า คนสูงไม่ถึง 170 ขาลอยแน่นอน จะเหยียดไปข้างหน้ารึ เบาะข้างหน้าแม่งตั้งกำแพงรออยู่แล้ว ตำแหน่งของขาเราก็จะออกแนวกึ่งงอกึ่งพับ กึ่งยิงกึ่งผ่าน จะส่งก็ไม่ส่ง จะยิงก็ไม่ยิง กลายเป็นความทรมานอีกระดับหนึ่งที่เหนือกว่าเมารถ
            เลวร้ายกว่านั้น เจอเพื่อนร่วมทาง (รูปร่าง) ดีก็ดีไป แต่มาเจอ “ไซส์ L นี่สิ เหลือพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาด 50 cm กำลังสอง ให้เราได้นั่งนิ่งๆ เฉยๆ สูดลมหายใจเข้าออกให้สุดปอด ยุบหนอ พองหนอ อยากจะเหยียดขาเอาบาทาไปทาบหน้าคนออกแบบรถตู้ มึงคำนึงถึงความสะดวกของผู้โดยสารบ้างไหมเนี่ย
            เหมือนเราจะเลือกได้ ประมาณว่าถ้าไม่ชอบมึงก็ไม่ต้องมานั่งสิวะ แต่บางสถานการณ์มันเป็นไฟท์บังคับ ดึกดื่นมืด รอคันต่อไปไม่ไหว จะขึ้นรถเมล์แม่งก็อ้อมโลก ไม่ถึงจุดหมายสักที นั่งแท็กซี่เรอะ ถ้ารวยกูซื้อรถขับไปเองแล้วครับ
            สุดท้ายแล้วผู้บริโภคต้องง้อผู้ผลิตซะอย่างงั้น
            บริการหลายอย่างในประเทศเราเป็นแบบนี้ มักจะมีปมเล็กๆ ที่ผูกขาดเอาไว้อยู่เสมอ ผู้บริโภคที่บางครั้งถึงคราวซวย (เช่นผม) ก็นั่งเกร็งๆ มึนๆ อยู่ตรงนั้น กว่าจะถึงจุดหมายก็เมาแอ๋แบบไม่ต้องชงเอง แถมยังได้ความปวดเมื่อยมาเป็นของสมน้ำหน้าคุณ
                บางครั้งไม่ใช่แค่ผู้ขาด ระบบจัดการก็แปลกๆ ตลกๆ ไม่ค่อยมีตรรกะ หรือว่ามีแบบเบี้ยวๆ เอียงๆ
            ไม่ต้องยกตัวอย่างไกล รถตู้ 40 ดีกรี (แรงมาก ทำเมาเอาง่ายๆ) นี่แล่ะ เชื่อว่าหลายคนมีประสบการณ์ ค่อนข้างเหลือเชื่อว่า ในยุคทุนนิยมที่เต็มไปด้วยพวกชอบโกง รถตู้ยังมีระบบเก็บเงินแบบสัญญาใจ บางครั้งคนขับจะหยิบยื่นภาชนะน่ารักๆ มาให้หยอดเงิน ซึ่งตามปกติวิสัยแล้ว ก็จ่ายกันครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาคาใจ
            แต่ก็มีบางกรณีที่คนขับต้องยกมือประท้วงเพราะมีคนคอรัปชั่น หายไป 5 บาทบ้าง 10 บาทบ้าง บางคนแค่เข้าใจผิด ไม่รู้อัตราค่าโดยสาร ก็ยกมือสารภาพ ว่ากันไป เคลียร์กันไป
            แต่ถ้ามันไม่เคลียร์นี่สิ น่าสนุก คนขับอาจต้องสวมบท เอโดงาว่า โคนัน หรือ คุโด้ ชินอิจิ หาตัวคนร้าย ขณะที่ผู้โดยสารที่เป็นคนร้าย อาจโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัว ก็เล่นบทโคโกโร่นิทรา หลับยาวไม่แคร์สื่อ คิดเล่นๆ แล้วก็น่าลองทำดูเหมือนกัน จะได้รู้กันไปว่ามันจะเชื่อถือระบบสัญญาใจนี้ได้นานแค่ไหน
            แต่ระบบนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเหลวแหลก มันสร้างวีรบุรุษได้ง่ายๆ เชียว ดังเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้
            เพื่อนสาว (หมายถึงเพื่อนที่เป็นผู้หญิง น่ะนะ) ของผมขึ้นรถตู้ซึ่งใช้ระบบเก็บเงินที่ว่านี้ บังเอิญว่าเจ้าหล่อนดันจำค่าโดยสารผิด ให้เงินขาดไป 5 บาท
            เงินของผู้โดยสารทุกคนรวมกันอยู่เป็นกองกลางในตะกร้าใบจิ๋ว คล้ายๆ เล่นโป๊กเกอร์ พอคนขับนับเงินรวมทั้งหมดก็เหมือนไพ่ใบสุดท้ายเปิดออกมา วัดกันตอนนั้น
            “ค่าโดยสารขาดไป 5 บาทครับ”
            อีเพื่อนสาวของผมก็ยังไม่รู้ตัว นั่งนิ่ง พลางคิดในใจ ใครวะโกงไปได้ตั้ง 5 บาท จนกระทั่งคนขับย้ำอีกครั้ง
            “ค่าโดยสาร 30 บาทนะครับ ใครจ่ายไม่ครบครับ”
            เอาล่ะสิ เธอนิ่งเฉยมานานเกินกว่าจะเปิดเผยตอนนี้ได้ บอกไปตอนนี้ใบหน้าของดิฉันก็แตกยับสิคะคุณพระ
            ไม่มีวี่แววว่าใครจะหลงผิด หยิบมาจ่ายเพิ่มอีก 5 บาท คนขับรถกดดันหนักขึ้น ผู้โดยสารเริ่มหันมองหน้ากัน หาตัวคนหน้าด้านที่คอรัปชั่นเหรียญห้าไป
            สถานการณ์สร้างวีรบุรุษเสมอ เธอพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสด้วยประโยคทอง
            “จ่ายให้เองก็ได้ค่ะ แค่ 5 บาท จะได้จบๆ ไป” พร้อมควักเหรียญ 5 ออกมาจ่ายอย่างชอบธรรม
            นอกจากจะรอดพ้นการถูกประณามแล้ว ยังได้รับโล่วีรสตรีอีกด้วย



คาเมะคุง