“โง่”
เปล่า
ผมไม่ได้ด่าใคร อย่าเพิ่งฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด
คำนี้เป็นคำวิเศษณ์
และเป็นคำพิเศษด้วย
พิเศษตรงที่เมื่อคนอื่นมาพูดใส่
เราโกรธ แต่หลายครั้งเราพูดใส่ตัวเอง ไม่โกรธ เพียงเกิดความรู้สึกบางอย่างแทนที่
ความรู้สึกที่ทำให้หัวใจหดหู่ เสียดาย...
แต่อย่างไรผมเชื่อว่าคนที่ด่าตัวเองด้วยคำนี้
เป็นคนฉลาด อย่างน้อยก็มากพอที่จะไม่โกรธจนชกหน้าตัวเอง หรือชกกำแพงด้วยอารมณ์เดือดดาลด้วยคำว่าโง่จากปากตัวเอง
ซึ่งการที่ผมไม่กระทำเช่นนั้น แสดงว่าผมไม่ได้โง่จริงๆ ใช่ไหม (ใช่)
โดยมากแล้ว
คำนี้มักหลุดมาจากสมอง - ตรงเข้าหัวใจห้องขวาบน ทะลุล่างซ้าย ไหลไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ
ของร่างกายให้รู้สึกฉลาดขึ้น – ก็ตอนที่รู้สึกเสียดายบางสิ่ง
บางสิ่งที่ไม่ควรจะพลาด
ในฐานะคนชอบขีดชอบเขียน
(อันที่จริงพฤติการณ์ทั้งขีด และเขียนนั้น ถูกรวบเป็นการเคาะแป้นพิมพ์ไปทั้งหมดแล้ว)
แม้ไม่อาจอ้างตนเป็นนักเขียนได้ แต่ยอมรับว่าพยายามแทรกตัวเข้ามาเดินย่องๆ
บนถนนสายนี้ การได้เข้าค่ายอบรมบ่มเพาะทักษะสำหรับเขียนหนังสือ
ถือเป็นลาภอันประเสริฐ และอุปมาดั่งลาบที่อร่อย
ไม่นานมานี้
TK Park ห้องสมุดสร้างสรรค์แห่งเดียวของประเทศ
(ที่มีการสร้างสรรค์น้อยมาก) ได้หยิบยื่นลาภก้อนนั้นมา
เพียงแต่มีข้อแม้ว่าแลกกับงานเขียนหนึ่งชิ้น ตามหัวข้อที่กำหนด ผมไม่รอช้าที่จะสร้างสรรค์
ปลุกเสกผลงาน... เพื่อที่จะดองมันเอาไว้ในฮาร์ดดิสก์และรอให้เลยกำหนดส่ง
อันที่จริงแล้ว
จะส่งผลงานวันไหนก็แล้วแต่ใจเจ้าของ เพียงแต่ต้องไม่เลยเถิดเกินวันที่เจ้าภาพกำหนด
ซึ่งผมมันประเภทชอบบ่มงานไว้ก่อน เผื่อวินาทีสุดท้ายที่ยังเหลือ จะสามารถปรับแต่งชิ้นงานให้คมคาย
บาดสมองคณะกรรมการได้มากขึ้น
เวลาล่วงเลยไปจนเกือบวันสุดท้าย
ปัญหาชีวิตบางอย่างดันทะลึ่งพรวดเข้ามาในห้วงอารมณ์ ผมไม่ได้อ้างว่านี่คือเหตุผล แต่มันเป็นสาเหตุของการ
“ขี้เกียจ” ในตอนนั้น ที่ทำให้ผมต้องหยิบคำในบรรทัดแรกมาฟาดหัวตัวเองในวันนี้
ความจริงแล้ว
การณ์ทุกอย่างจะล่วงพ้นไปโดยไม่ส่งผลใดๆ กับชีวิต
หากเพื่อนของผมไม่ทักทายผ่านเฟสบุ๊กมา
“มึงได้ไปค่าย
TK ไหม กูติดว่ะ”
มันคือเพื่อนผู้หลงใหลในเส้นทางสายน้ำหมึกเช่นเดียวกัน
และที่พิเศษกว่านั้นคือ ผมรู้จักมันจากค่ายนักเขียนเมื่อปลายปีก่อน - ค่ายอบรมการเขียนที่จัดโดยมติชนและ
SCG ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณให้มาก
เพียงรู้ไว้ว่ามันคือห้วงเวลาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต
และทำให้ผมอยากไปค่ายนักเขียนอื่นๆ ทุกค่ายที่จะมีขึ้นหลังจากนั้น
ทั้งนักเขียนชื่อดัง
เพื่อนร่วมค่ายที่หัวใจรูปร่างคล้ายกัน อาหารการกินและที่พักสุดหรู ทิ้งท้ายด้วยความทรงจำซึ่งสามารถเบียดบังความประทับใจต่างๆ
ก่อนหน้านี้ให้ชิดซ้ายไป
หากมีคำที่อธิบายความรู้สึกได้เข้มข้นกว่า
“เสียดาย” ผมก็อยากจะใช้คำนั้น
มันทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์อื่นในชีวิต
ที่มีจุดร่วมคล้ายๆ กัน จนคำว่า “โง่” ต้องเสริมส่วนขยายว่า “อีกแล้วนะ”
ผมเคยดูคลิปวิดีโอการบรรยายของนักเขียนขวัญใจวัยรุ่นอย่างพี่เอ๋
หรือที่รู้จักกันดีในนามนิ้วกลม เขาพูดถึงเหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้ และภาพยนตร์เรื่อง
Dead Poet Society
ตัวหนังจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญ (แต่แนะนำว่าควรดู) เราสนใจวลีหนึ่งในนั้น
“Carpe Diem”
เป็นภาษาอะไรก็ไม่สำคัญอีก
แต่ขณะนี้มันเป็นภาษาเขียน (เพราะผมเขียนเอา) โดยมีอีกนัยความหมายว่า “Seize the day” หรือ “จงฉวยวันเวลา”
พี่เอ๋เล่าว่าในอดีตได้ตามจีบหญิงสาวรูปงามนางหนึ่งดั่งหมาวิ่งไล่เครื่องบิน
เธอบินสูงสมเป็นเครื่องบิน
วันนั้น
เครื่องบินมีโปรแกรมไปเข้าค่าย ด้วยใจบริสุทธิ์และไม่เสแสร้ง พี่เอ๋อยากไปด้วย
แต่เนื่องจากไม่มีแม้ครึ่งของคำเอ่ยชักเชิญ
ความรู้สึกขั้นกลางอยู่ระหว่างความกล้าได้กล้าเสียและหวั่นเกรง
แม้เก็บกระเป๋าเตรียมพร้อมแล้วก็ตาม (คล้ายๆ ใครบางคนที่เตรียมเรื่องไว้รอส่งอยู่แล้ว)
เบื้องหน้าแววตากล้าๆ
กลัวๆ นั้น เพื่อนรักของพี่เอ๋เข้าให้คำแนะนำอย่างฉลาด
“มึงคิดดูนะ
ถ้ามึงไม่ไปวันนี้ ตอนอายุ 60 ปี มึงจะกดโทรศัพท์มาบอกกูว่า ‘ถ้าวันนั้นกูขึ้นรถไป...’ ”
เพื่อนชี้หน้าพี่เอ๋ด้วยแววตามุ่งมั่นที่มีจุดรวมสายตาอยู่ที่ดวงตาทั้งคู่ของพี่เอ๋
“คาร์เพเดี้ยม”
เพียงแค่นั้น
พี่เอ๋ลากกระเป๋าไปยังรถทัวร์
เพียงเพื่อเจอเธอผู้นั้น
และประโยคดีๆ ประโยคหนึ่ง
“ไปก่อนนะ”
...
พี่เอ๋เดินคอตกกลับบ้าน
พร้อมกระเป๋าที่หนักกว่าเดิมด้วยน้ำหนักแห่งความเศร้าและเสียใจ
“แต่ไม่เคยเสียดาย”
เพราะหากเวลาผ่านไปจนอายุ
60 แล้วพบตัวเองอยู่กับคนที่ไม่ได้รัก เขาเสียใจกว่านี้แน่
ในทางเดียวกัน
หากผมเลือกส่งงานเขียนชิ้นนั้นไป ผมอาจไม่ได้รับคัดเลือก และถูกความรู้สึกบางอย่างย้อนกลับมาทิ่มแทงหัวใจด้วยคำว่าไร้น้ำยาเสียด้วยซ้ำไป
แต่แน่นอนว่าจะไม่มีคำว่า
“เสียดาย” และ “โง่”
เพียง
1 วินาทีแห่งความลังเลใจของเรา อาจตัดสินทุกวินาทีชีวิตถัดจากนั้นได้
ครั้งหน้าหากผมลังเลอีก
ช่วยชี้มาที่สันจมูกของผมพร้อมตีสีหน้าจริงจังด้วยแววตาดุดัน และเอ่ยชัดๆ ในคำว่า
“แคลเซี่ยม”
ใช่ที่ไหนล่ะ...
“Carpe Diem! ”
คาร์เพเดี้ยม!