โลกเราก็เหมือนฟุตบอล
ความจริงจะเปรียบให้เหมือนอะไรก็พูดได้ แต่ในที่นี้ผมชอบฟุตบอลมากที่สุด เลยจะเปรียบกับฟุตบอล
ไม่ได้เหมือนตรงที่มันกลมๆ
เหมือนกัน แต่คล้ายคลึงกันในระดับโครงสร้าง ในระบบ ในกลไก ในสมาชิกของมัน
โลกประกอบด้วยประชากรมนุษย์กว่าหกพันล้านคน คนน่ารักนั้นมีมากมาย ส่วนพวกน่าชังก็จำนวนไม่แพ้กัน หลายคนอาจเคยจินตนาการเหมือนผมว่า ถ้าโลกนี้มีแต่คนนิสัยดี เรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก เห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่ชอบทำตัวเด่น ทำเพื่อผู้อื่น ฯลฯ โลกอาจจะสงบสุขและสวยงามปานยูโทเปีย
แต่เวลาดูบอล เราคงไม่ได้ต้องการทีมยูโทเปียเท่าไร
ในโลกของฟุตบอล แม้จะไม่เท่ากับโลกจริงๆ แต่ประชากรนักฟุตบอลก็มีมากเกินกว่าที่เราจะจดจำใบหน้า ทำความรู้จักได้ครบ เรามักรู้จักแต่คนดัง (ไม่ต่างจากโลกความเป็นจริงนัก) เราอาจรู้จัก Leonel
Messi มากกว่า Chris
Smalling (กองหลังแมนยูฯ) หรือรู้จัก Martin
Skrtel (ปราการหลังลิเวอร์พูล) น้อยกว่า Cristiano
Ronaldo แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครจะดังเท่ากัน หรือดังน้อยกว่า บทบาทหน้าที่ สไตล์การเล่นของแต่ละคนล้วนแตกต่าง จะมีคล้ายคลึงบ้างก็เล็กน้อย แต่ก็ไม่เรียกว่าถอดแบบเลยทีเดียว
ดังนั้นเราจึงมีทั้งนักฟุตบอลน่ารักและนักฟุตบอลน่าชังเช่นกัน หากเปรียบโลกเป็นฟุตบอลแล้ว ก็ยังอดจินตนาการไม่ได้ว่าถ้าโลกแห่งฟุตบอลประกอบด้วยนักฟุตบอลที่มีคุณสมบัติสุภาพ ไม่เล่นรุนแรง ไม่เล่นตุกติก เคารพกติกา ไม่ชอบทำตัวเด่น เล่นเพื่อทีม ฯลฯ ฟุตบอลจะเป็นกีฬาที่สะอาดและน่าดูมากขึ้นหรือเปล่า?
ไม่นานมานี้ผมเพิ่งมีโอกาสได้ดูคลิปการเล่นของนักฟุตบอลคนหนึ่งในทีมชาติบราซิล
ซึ่งขึ้นชื่อในการเล่นอย่างสวยงาม เร้าใจคนดูมาตั้งแต่ยุคที่ฟุตบอลเพิ่งกำเนิดขึ้นมา
นักเตะคนนั้นมีชื่อว่า Neymar
ปกติการเล่นฟุตบอล หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ใช้คนมากกว่าหนึ่ง เรารู้กันดีว่าทีมเวิร์กเป็นเรื่องสำคัญ
แต่สิ่งที่ผมพบในคลิปคือ หมอนี่เล่นฟุตบอลคนเดียวมากกว่าเล่นกับเพื่อน ซึ่งในทางปฏิบัติแล้วเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่ารังเกียจสำหรับเพื่อนร่วมทีม
อุปมาอุปมัยแล้วก็อาจเป็นนักฟุตบอล “น่าชัง” คนหนึ่ง
แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปไป
เพราะผลลัพธ์หลังจากการชมคลิปนี้คือ ผมหลงใหลในการเล่นอันเร่าร้อน พลิ้วไหว มุละทุ
และยียวนของ Neymar เข้าอย่างจัง
(ใครอยากชมคลิปนี้ลองพิมพ์ชื่อเขาลงไปใน youtube)
ถ้าให้เปรียบเรื่องความ
“น่าชัง” ของ Neymar กับนักฟุตบอลคนอื่นๆ
ก็อาจเป็น Roy Kean อดีตกองกลางตัวรับขาโหดของแมนยูฯ
ที่มีรูปแบบการเล่นอย่างดุดันเกินเกมกีฬา เคยเสียบผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจนเดินเขยก นอนเดี้ยงมาหลายราย
หรือจะเป็นพวกชอบเล่นตุกติกหลบสายตากรรมการอย่างเจ้าของฉายา “Hand of God” หรือหัตถ์พระเจ้า Diego Maradona ที่เคยใช้มือชกลูกบอลเข้าประตูไปในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี
1986 นัดชิงชนะเลิศ ต่อหน้าต่อตานักฟุตบอลอังกฤษที่ต้องน้ำตาตก
ชวดแชมป์ไปเพราะการเล่นผิดกติกาของเขาคนนั้น
นอกจากนี้ยังมีนักฟุตบอลน่าชังอีกหลายประเภท
ไม่ว่าจะเป็นพวกชอบพุ่งล้มเพื่อเอาฟาว์ลอย่างที่เราเคยเห็นกันบ่อยๆ หรืออื่นๆ
อีกมากมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนผิดเพี้ยนไปจากโลกยูโทเปียที่จินตนาการไว้ สุภาพ
เคารพกติกา ไม่ชอบทำตัวเด่น ฯลฯ
แต่เราจะทนดูฟุตบอลต่อได้หรือถ้าปราศจากนักฟุตบอล
“น่าชัง” เหล่านี้
โลกที่ดีต้องมีความหลากหลาย ใครบางคนเคยบอกผมแบบนั้น
ไม่ว่าจะหลากหลายด้วยสิ่งร้ายปนสิ่งดีก็ตาม เพราะถึงจะตุกติกอย่างไร
ฟุตบอลก็ยังมีกติกา มีกรรมการ ไม่ต่างจากที่สังคมมีกฎเกณฑ์ มีผู้รักษากฎหมาย ซึ่งจะมีใครเล็ดรอดออกไปก็เป็นเรื่องสัจธรรม
คงไม่มีใครกล้าฟันธงได้ว่าทุกคนจะอยู่ในกรอบของกฎหมาย 100 เปอร์เซ็นต์
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า
เราจะรับมือและอยู่ร่วมกับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร
หากเป็นเพื่อนร่วมทีม
เราจะร่วมงานกับคนเหล่านี้อย่างไร เราจะให้บทบาทที่เหมาะสมที่สุดกับเขาอย่างไร
ผมเชื่อ
และคิดว่าหลายคนก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าคน “น่าชัง” คนหนึ่ง
ย่อมมีข้อดีหรือความน่ารักอยู่ในตัว ไม่แน่ว่าคนปากหมา อาจจะน้ำใจงาม
คนที่เคยฆ่าคน ที่บ้านอาจจะมีสัตว์เลี้ยงแสนรักหลายตัว ใครเล่าจะรู้
แม้บางครั้งยากที่จะปฏิเสธว่าบางพฤติกรรมของบางคนก็น่าชังเกินกว่าจะทนอยู่ร่วมโลกกันได้
แต่หากโลกคือละคร แน่นอนว่าฉากดราม่าย่อมเป็นสีสันอันสำคัญของเรื่อง ซึ่งอาจทำให้ฉากอื่นๆ
ที่เปี่ยมด้วยความสุขนั้นสวยงามและมีพลังมากขึ้น
ถามอีกครั้งว่าถ้าโลกความจริงเป็นดังยูโทเปีย
โลกจะน่าอยู่จริงหรือเปล่า อาจจะจืดชืดพอๆ กับฟุตบอลที่ไม่มีนักเตะจอมลากเลื้อย
ตัวตัดเกมที่ดุดัน และนักเตะเจ้าเล่ห์ที่สร้างสีสันให้เกมอยู่เสมอ
เราก็คงไม่ได้ดูละครน้ำเน่าที่มีฉากตบกัน เพราะไม่เคยมีคนตบกันมาก่อนบนโลกนี้ ไม่ได้ดูภาพยนตร์สนุกๆ
ที่เต็มไปด้วยฉากรบราฆ่าฟันในเหตุผลเดียวกัน
ใครคนหนึ่งเคยพูดเท่ๆ
ไว้ว่า “โลกใบนี้สมบูรณ์ได้ด้วยความไม่สมบูรณ์”
ซึ่งคนคนนั้นก็มีหลายอย่างในตัวที่ไม่สมบูรณ์
คนเขียนเรื่องนี้ไงครับ
คาเมะคุง
เรื่องนี้ดีนะครับ
ตอบลบดูชีวิตจริงดี
แต่อ่านแล้วเหมือนจะบอกว่า
คนเขียนเรื่องชอบเสพดราม่านะครับ 555555
แต่เว็บนั้นไม่ค่อยได้เข้าน่ะครับ ฮ่าๆ
ตอบลบเขียนไปตอนแรกก็เข้าใจแล้วนะ แต่อีกเดี๋ยวก็แวบไปเป็นไม่เข้าใจ อ่านไปอ่านไป ก็แวบมาเข้าใจเหมือนกับตอนแรกอีก อ่านไปสุดท้ายก็คือเข้าใจ
ตอบลบเรื่องนี้มันฉลาดอยู่ที่การเปรียบเทียบเกมส์กีฬาฟุตบอล กับโลกที่เป็นอยู่ และ ยูโทเปีย ที่เราใฝ่ฝัน
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วได้แง่ดีๆหลายอย่าง ^^
ตอบลบ