-->
ผู้อ่านคือลมหายใจของนักเขียน

วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สิ่งที่เดินทางผ่านลิ้นชัก


            อาจมีหลายเหตุผลที่ทำให้คนอยากย้อนอดีต แต่กลับมีแค่ไม่กี่เหตุผลที่คนอยากให้ใครสักคนย้อนอดีตมาหา ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง อาจเป็นการผ่านประตูมิติอับแสนลึกลับ การปีนลงมาจากปล่องควัน หรือการโผล่พรวดมาจากลิ้นชักของโต๊ะเขียนหนังสือที่ระเกะระกะด้วยสิ่งของภายใน
            เขานอนอยู่บนพื้นห้องอย่างเกียจคร้านพร้อมด้วยแว่นสายตาที่ทำให้ดูซื่อบื้อ มือทั้งสองไพล่ที่ท้ายทอยและขาทั้งคู่ไขว่ห้างด้วยท่าทางสุดขี้เกียจ พลางเพ้อฝันถึงเรื่องดีๆ ที่ไม่มีวันเกิดขึ้น ทันใดนั้นเขาก็สะดุ้งเฮือกเมื่อสิ่งมีชีวิตอ้วนกลมโผล่พรวดออกจากลิ้นชักเขียนหนังสือที่ระเกะระกะด้วยสิ่งของภายใน พร้อมกับประโยคว่า “ฉันมาช่วยนายเพื่อให้พ้นจากเรื่องร้ายๆ ทั้งปวง” แต่ยังไม่ทันทั้งสองจะสนทนากันให้เข้าใจ แม่ของเขาก็ตะโกนขึ้นมา
            “เสียงเอะอะอะไรน่ะ โนบิตะ”
            ไม่ทันที่เขาจะใช้สมองช้าๆ คิดหาทางออก เจ้าอ้วนตัวกลมที่มีหนวดแมวบนใบหน้าก็เผ่นแผล็วลงไปในลิ้นชักอย่างรวดเร็ว
            “ลงมากินข้าวได้แล้ว” แม่ของเขายังคงตะโกนเรียกลูกต่อไป
            “โรญจน์ ลงมากินข้าวเสียที อ่านการ์ตูนอยู่ได้”
            ผมละมือจากหนังสือเล่มนั้น และหยิบมันไปเก็บไว้ที่ชั้นเป็นลำดับ 1 นำหน้าเล่ม 2 และเล่มต่อๆ ไปที่เรียงติดกันจนแน่นชั้น
            “โตป่านนี้แล้ว เมื่อไรจะเลิกอ่านการ์ตูนเสียที” มันเป็นคำบ่นที่แม้แต่คนบ่นก็อาจไม่ได้รู้สึกถึงแรงปะทะหรือกระทั่งความหมายของการมีอยู่ซึ่งประโยคดังกล่าว แต่กลับกระทบแทงสามัญสำนึกของผมอย่างเจ็บปวด
            “ทำไมไม่ไปเล่นกีฬาหรือเรียนดนตรีเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ บ้างล่ะ” ไม่ทันไรพ่อก็โพล่งต่อกลางวงรับประทานอาหาร ทำให้ผมแทบอยากจะคายข้าวผัดที่เคี้ยวจนเละแล้วในปากลงใส่กลางชามน้ำซุป
            ผมหนีจากความขุ่นมัวและขมขื่นในวงอาหารนั้นขึ้นมาบนห้อง หยิบหนังสือเรื่องเดิมเปิดอ่าน มันเป็นเรื่องเดียวที่ผมมี แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ใครต่อใครหาว่าผมเป็นโอตาคุ และเพียงพอที่จะทำให้ชั้นวางหนังสือต้องอัดแน่นด้วยสิ่งนี้ เปล่าเลย ผมไม่ได้อยากเป็นแฟนพันธุ์แท้โดราเอมอนแม้แต่นิดเดียว แม้ผมจะรู้เกี่ยวกับมันมากมาย อาจจะมากกว่าแฟนพันธุ์แท้ตัวจริงก็ได้ ผมก็ไม่ได้ต้องการคำสรรเสริญว่ารู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งมากกว่าคนอื่น แต่หากถามถึงเหตุผลของการที่ผมต้องสายตาสั้นและใส่แว่นหนาหน้าตาโง่ๆ เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ล่ะก็ ผมอาจตอบได้แค่ว่าผมอยากจะเห็นสิ่งมีชีวิตในกระดาษเหล่านั้นโผล่พรวดออกจากลิ้นชักที่เต็มไปด้วยข้าวของ และบอกกับผมว่า “ฉันมาช่วยนายเพื่อให้พ้นจากเรื่องร้ายๆ ทั้งปวง” พร้อมกับพาผมนั่งไทม์แมชชีนไปเพื่อให้รู้ว่าผมจะได้แต่งงานกับชิซึกะ
            ผมไม่เคยพบรัก หรือจะพูดว่าไม่กล้าสบตามันก็ได้ ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของล้วนแต่มองผมด้วยสายตาที่ใช้มองคนวิกลจริตคนหนึ่ง ผมไม่ได้เรียนเก่งเท่ากับความหนาของแว่น และเป็นสุดยอดห่วยด้านกีฬา รวมถึงมีเพื่อนที่พึ่งพาได้ไม่เกินสอง... หรืออาจจะหนึ่งคน บางทีการอ่านการ์ตูนมากเกินไปอาจทำให้ผมสูบบุคลิกของพระเอกในเรื่องมาอย่างไม่รู้ตัว แต่อย่างน้อยหมอนั่นก็มีชิซึกะให้แต่งงานด้วย
            ดวงอาทิตย์ลับฟ้าอย่างรวดเร็ว และผมหลับคาหนังสือการ์ตูนในมือ บนพื้นเปล่าๆ ที่ยังไม่ได้รองแม้แต่ฟูกหรือผ้าห่ม เช่นเดียวกับโนบิตะที่ชอบนอนแบบนี้ในตอนกลางวัน แล้วผมก็สะดุ้งตื่นจากเสียงกุกกักในลิ้นชักที่ระเกะระกะด้วยสิ่งของไร้ประโยชน์นานาชนิด
            สิ่งที่โผล่พรวดขึ้นมาช่างเหนือความเป็นไปได้ในโลก แต่ไม่อาจเหนือกว่าจินตนาการและความคาดหวังที่ผมมีมาตลอด สิ่งนั้นอ้วนกลมสีน้ำเงินและท่าทางดังสิ่งที่ผมฝัน พร้อมกับประโยคเดิมนั้น “ฉันมาช่วยนายเพื่อให้พ้นจากเรื่องร้ายๆ ทั้งปวง” สถานการณ์ไม่ทำให้ผมควบคุมจิตใจให้สงบนิ่งได้ มันเหลือเชื่อ ล่องลอย และไร้เหตุผล
            “ฉันทำให้นายตกใจหรือเปล่า โนบิตะ ว่าแต่นายหน้าตาไม่เหมือน*เซวาชิเลยนะ”
            “ฉันชื่อโรญจน์ ไม่ใช่โนบิตะ และที่นี่ก็ไม่ใช่ญี่ปุ่นปี 19xx นี่นายควรจะโผล่ไปด้วย”
            ใบหน้าเหรอหราที่มองไปรอบห้องอันมืดดำช่างน่าขบขัน และยียวน เขามองผ่านหน้าต่างออกไปเห็นหลังคาบ้านอื่นๆ เรียงรายอย่างไม่คุ้นเคย จากนั้นจึงพูดอย่างไม่รับผิดชอบว่า “งั้นขอโทษที่ทำให้ตกใจนะ ฉันไม่ควรอยู่ที่นี่ต่อ ลาก่อน”
            “เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”
            “ฉันรู้ว่านายมีคำถามมากมาย แต่ลืมมันซะเถอะ นอนซะ จากนั้นวันพรุ่งนี้นายจะรู้เองว่ามันเป็นความฝัน ฉันขี้เกียจอธิบายว่าฉันไม่ใช่ตุ๊กตาทานูกิสีน้ำเงินอย่างที่คนอื่นเห็นฉันครั้งแรกแล้วต้องบอกแบบนั้น ลาก่อนนะ”
            “ฉันรู้ว่านายเป็นใคร” ผมควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่นด้วยความตื่นเต้น “นายคือหุ่นยนต์แมวจากศตวรรษที่ 22 ชื่อว่าโดราเอมอน นายเคยมีหูและมันทำให้ดูเหมือนแมวมากกว่านี้ แต่กลับถูกหนูกัดขาด แฟนที่เคยมีก็ทิ้งนายไปเพราะนายกลายเป็นหุ่นกระป๋องอ้วนหัวกลม จากนั้นนายร้องไห้เสียใจจนตัวกลายเป็นสีฟ้า และเกลียดหนูมากที่สุดในโลก นายชอบโดรายากิและมีของวิเศษเต็มกระเป๋า และตอนนี้นายกำลังจะนั่งเครื่องย้อนเวลาไปหาโนบิตะ ปู่ทวดของเซวาชิคนที่วานให้นายไปดูแล”
            เขาอึ้งไปสักพักและเริ่มสนใจในตัวผมมากขึ้น ผมชูหนังสือการ์ตูนในมือที่มีรูปของเขาให้ดู เขาตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย แต่ด้วยความชำนาญจากโลกอนาคตทำให้เขาน่าจะรู้ว่าในประวัติศาสตร์แห่งห้วงเวลา ควรจะมีเหตุการณ์ประหลาดๆ มากมายที่ไม่ต้องการคำอธิบายมากนัก
            “แต่นายไม่ใช่โนบิตะ ไม่ใช่หน้าที่ของฉันที่ต้องดูแลนาย”
            “แล้วทำไมฉันถึงไม่มีหุ่นยนต์อย่างนายมาดูแลเหมือนโนบิตะบ้าง นายโผล่มาหาฉันได้ แปลว่ามีโอกาสที่ฉันจะมีโดราเอมอนมาดูแลเหมือนกันใช่ไหม”
            “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ในมิติของห้วงเวลา นายอาจจะเป็นโนบิตะอีกคนหนึ่งที่มีโดราเอมอนมาดูแล เป็นอีกห้วงเวลาหนึ่ง แต่สำหรับฉันตอนนี้ไม่ใช่นาย”
            “งั้นให้ฉันไปหาโนบิตะกับนายด้วยได้ไหม ฉันรู้ว่าไทม์แมชชีนจะสามารถย้อนเวลากลับมาอีกทีตรงจุดนี้ได้ แม้ว่าฉันจะท่องไปในอีกมิติหนึ่งนานนับสิบปีก็ตาม”
            ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ผมไม่ควรได้รับอนุญาต ระหว่างที่เขาพยายามจะโดดหนีและละทิ้งความรับผิดชอบ ผมซึ่งอยู่ในสถานการณ์เหนือเหตุผลไม่อาจปล่อยชั่วขณะนั้นให้หลุดลอย ผมโดดตามลงไปในลิ้นชัก แม้ตอนแรกจะรู้สึกเสียวว่ามันจะพังลงมาเพราะน้ำหนักตัวผม แต่ผมก็อยู่บนเครื่องย้อนเวลากับเขาจนได้ แม้จะโวยวายยังไง แต่ผมก็ยืนกรานจะไปด้วยจนเขาต้องจำนน
            ที่นี่ไม่ต่างอะไรจากสิ่งที่ผมรู้เลย มีโนบิตะแสนขี้เกียจ ซูเนโอะจอมขี้อวด ไจแอนท์บ้าพลัง และชิซึกะแสนน่ารัก หากโดเรมอนทำให้โนบิตะตกใจเพราะการโผล่มาจากลิ้นชัก ผมก็คงทำให้เขาตกใจจากการที่สามารถบอกเรื่องราวของเขาได้อย่างละเอียดราวกับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต และคนอื่นๆ ก็ต้องประหลาดใจในเหตุผลเดียวกัน แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ต่อต้าน และยอมให้ผมเป็นเพื่อนโดยดี
            ชิซึกะเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักเกินจะมีตัวตนจริงบนโลก แววตา น้ำเสียง และบุคลิกของเธอทำให้คนโง่ๆ อย่างโนบิตะ (และผม) ตกหลุมรักอย่างจะเป็นจะตายได้ไม่ยาก นี่คือสิ่งเดียวที่เกินความคาดหมายของผม นอกนั้นเป็นสิ่งที่ผมคุ้นเคยราวกับขลุกอยู่ด้วยตั้งแต่จำความได้ เสียงหัวเราะของซูเนโอะ อารมณ์รุนแรงของชายชื่อโกดะ ทาเคชิ และลานกว้างแห่งความทรงจำที่มีท่อสามอันวางซ้อนกัน
            ผมอยู่กับพวกเขาถึงเย็นมืด จนไม่มีที่จะไป จึงขอโดราเอมอนนั่งไทม์แมชชีนกลับสู่ลิ้นชักในปัจจุบัน และจากความไว้ใจที่ผมมีให้ ซึ่งเขาก็เริ่มมีให้ผมเช่นกัน  ทำให้ทุกวันหลังอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ผมจะเปิดหนังสือการ์ตูนและทบทวนเรื่องราว จากนั้นจึงดึงลิ้นชักออกกว้างและกระโดดลงไปสู่โลกใบนั้น ที่มีพวกเขา และชิซึกะ เวลาทั้งวันในโลกนั้นทำให้ผมเหนื่อยอ่อน แม้เวลานอนจะเท่าเดิม แต่ก็ทำให้ผมไปสัปหงกที่ห้องเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ
            ผมผจญภัยไปกับพวกเขา ได้สัมผัสกับของวิเศษที่หลายล้านคนบนโลกเคยใฝ่ฝัน หากให้เลือกของวิเศษอย่างได้อย่างหนึ่ง ผมรู้ดีว่าทุกคนจะต้องเลือกคอปเตอร์ไม้ไผ่ ไทม์แมชชีน หรือประตูไปไหนก็ได้ หนึ่งในนี้ ครั้งหนึ่งผมได้ใช้ประตูนั่น มันอัศจรรย์ ผมเปิดมันและเจอกับอีกสถานที่หนึ่ง ผมชะโงกหน้าไปดูด้านหลังของประตูว่าจะปรากฏภาพอะไร แต่กลับไม่มีประตูอยู่ ทั้งที่ด้านหน้ามันเปิดออกและมีอีกที่หนึ่งในนั้น  เราย้อนเวลาไปแดนไดโนเสาร์ ลงสู่ใต้ทะเลลึก หรือแม้แต่ป่าเขาอันลึกลับ ทุกย่างก้าวผมรู้คำตอบดีว่าภาพสุดท้ายเป็นอย่างไร แต่ผมไม่อาจห้ามหัวใจไม่ให้เต้นรัวได้ ผมปลาบปลื้มจนแทบร้องไห้ทุกครั้งที่กลับมายังที่นอนของตัวเองในทุกๆ คืน บางครั้งผมยังฝันต่อไปว่าผมยังอยู่กับโดราเอมอนและเพื่อนๆ พวกเขาช่างดีเหลือเกิน ดีกว่าโลกที่ผมอยู่ตอนนี้เกินกว่าจะบรรยายได้
            การเรียนของผมย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แม้ปกติมันจะย่ำแย่มากพอแล้วก็ตาม พ่อและแม่ยังดุด่าและเคี่ยวเข็ญผมเหมือนเดิม แต่ผมไม่เคยเสียใจ หรือกระทั่งใส่ใจ ทุกคนในโลกใต้ลิ้นชักดีต่อผม ไจแอนท์ไม่ได้ชอบต่อยผมเหมือนที่เขาทำกับโนบิตะ และชิซึกะก็น่ารักและดีกับผมเสมอ ผมอิจฉาโนบิตะที่เขาจะได้แต่งงานกับเธอ
            ครั้งหนึ่งที่ผมได้อยู่กับโดราเอมอนเป็นการส่วนตัวขณะทุกคนไปเรียน บนชั้นสองของบ้านตระกูลโนบิ หน้าต่างเปิดโล่ง ลมยามบ่ายแก่ๆ ของฤดูใบไม้ร่วงพัดโชย ผมสนทนากับเขาอย่างลูกผู้ชาย
            “ชิซึกะจะต้องแต่งงานกับโนบิตะเท่านั้นหรือ”
            “ใช่แล้ว หากเส้นทางของกาลเวลาเดินไปอย่างไม่สะดุด และไม่มีอะไรมาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของอนาคต”
            “หมายความว่าหากมีอะไรมาทำให้ระหว่างทางนั้นบิดเบี้ยวไป อนาคตก็อาจจะเปลี่ยนไปได้”
            “ใช่แล้ว” เขาตอบกลางหยิบโดรายากิเข้าปากทั้งอัน
            “ชิซึกะก็อาจจะมาแต่งงานกับฉันแทนได้อย่างนั้นสิ”
            เขาสำลักรุนแรง “ม... หมายความว่าไง นายชอบเธอหรือ”
            “ใช่ แต่ฉันรู้ดี ฉันรู้ทุกอย่าง นายไม่ต้องบอกอะไรฉันหรอก”
            “ฉันไม่ได้จะห้ามอะไรนาย และไม่ได้จะปกป้องโนบิตะ” เขาใช้มือปาดเศษโดรายากิที่เลอะปาก “แต่ที่นี่ไม่ใช่โลกของนาย ชิซึกะและนายไม่ใช่ของกันและกัน ยังไงนายก็ไม่ได้แต่งงานกับเธอหรอก”
            “นายมาจากโลกที่วิทยาศาสตร์เฟื่องฟูไม่ใช่หรือ นายควรเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปได้หากมันมีความน่าจะเป็นสิ”
            “แม้วิทยาศาสตร์จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หลายอย่าง แต่บางสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ก็ไม่อาจทำอะไรได้ มันถูกวางไว้ด้วยข้อจำกัดอะไรบางอย่าง มันเป็นกฎแห่งสัจธรรม”
            สายตาของเขาเหมือนกับเห็นใจใครสักคนอย่างเต็มที่ แต่เจ็บปวดเพราะไม่อาจช่วยอะไรได้ โนบิตะเป็นคนดี แม้จะโง่เง่าไปในหลายครั้ง ส่วนชิซึกะก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ผมใฝ่ฝัน มันไม่แปลกที่อะไรสักอย่างซึ่งอยู่ในความปรารถนาแห่งอุดมคติจะไม่มีตัวตนอยู่ในโลกแห่งความจริง แต่ผมได้พบเธอแล้ว แม้ในโลกที่ขนานกันอย่างไม่แยแส และไม่อาจมีอะไรเกี่ยวพันกันได้ ผมไม่อาจมอบชีวิตให้กับโลกใบนี้ ผมมีความเป็นจริงแสนโหดร้ายที่ต้องแบกรับ ผมรู้ข้อนั้นดี บางครั้งเส้นกั้นแห่งความฝันและความจริงก็บางเกินไป จนไม่อาจรู้ได้ว่าซีกไหนควรจะเป็นพื้นที่ที่สมควร
            ผมเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง หน้าต่างชั้นสองของบ้านตระกูลโนบิ ดวงอาทิตย์สีส้มค่อยๆ ทิ้งตัวลงขอบฟ้า แสงสีทองทอทาบบ้านเรือน ข้างในของผมกำลังส่งเสียงร่ำไห้อย่างสงบ
            “ฉันขอกลับก่อน” ผมบอกเขา และเขาไม่ได้พูดอะไรเพื่อรั้งหรือแสดงความสงสัยราวกับเข้าใจทุกอย่างดี เจ้าสิ่งมีชีวิตอ้วนกลมสีน้ำเงิน นายไม่ได้เข้าใจอะไรทุกอย่างหรอกนะ
            “หากทุกอย่างอยู่ในความน่าจะเป็น สักวันจะมีโดราเอมอนไปหานาย และพานายไปยังอนาคตของนายเองเพื่อพบว่านายจะได้แต่งงานกับคนที่ควรจะสวมชุดเจ้าสาวข้างๆ นาย”
            “หากนั่นเป็นคำปลอบใจ ฉันก็ขอบคุณนายมาก นายดีต่อฉันจริงๆ เพื่อน” ผมหันกลับและโดดเข้าไปในลิ้นชัก สู่ความมืดและเงียบงันในห้องที่เต็มด้วยการ์ตูน ผมทิ้งตัวลงพื้นเปล่าและหลับไป น้ำตาไหลที่ไหลออกมาราวกับรู้ว่าผมจะไม่ได้กลับไปยังโลกนั้นอีก ไม่มีเหตุผลว่าทำไมผมจึงรู้สึกเช่นนั้น แม้ลิ้นชักก็ยังตั้งอยู่ที่เดิม พร้อมจะพาผมไปผจญภัยในโลกที่ผมใฝ่ฝันได้ตามต้องการ
            ผมตื่นด้วยความงัวเงียและลากร่างอ่อนล้าไปเรียน แน่นอนว่าผมหลับเกือบทั้งวัน และเมื่อกลับมาที่บ้านผมก็ถูกลงโทษอย่างสาสม
            ในห้องไม่มีหนังสือการ์ตูนของผมอีกแล้ว มันแหลกเป็นจุลอยู่กลางสนามหญ้าเล็กๆ ข้างบ้าน เปลวไฟมอดเหลือเพียงธุลีดำมืดแห่งความปวดร้าวที่ลอยขึ้นฟ้าไปทีละนิดราวกับพวกมันกำลังเดินทางไปสู่สวรรค์ ผมโวยวายอย่างใจจะขาด แม้รู้ว่าไม่มีประโยชน์อันใด แน่นอนว่าการเรียนของผมไม่เป็นที่น่าพอใจและนำมาสู่การฆาตกรรมเพื่อนรักของผมทั้งหมดด้วยกองเพลิง ผมร้องไห้อย่างทุรนทุราย แต่ยังมีสติพอจะคิดได้ว่า หากโดราเอมอนเป็นเพื่อนของผม เครื่องมือบางชิ้นก็สามารถทำให้ของรักเหล่านั้นกลับมาได้ ผมเปิดลิ้นชัก ถอยห่างไปสามก้าว และกระโดดลงไปอย่างสุดแรง หลับตาเพื่อลบภาพโหดร้ายของโลกความจริงนี้ทิ้ง แล้วจมดิ่งไปสู่อีกห้วงกาลเวลา
            เสียงสนั่นทั่วห้อง แม่วิ่งขึ้นมาดูด้วยสีหน้าตกใจ ชิ้นส่วนของลิ้นชักกระจัดกระจายเหมือนแจกันที่ตกจากที่สูง ของที่เคยรกรุงรังภายในเกลื่อนกลาด ไทม์แมชชีนของผมแตกสลายไปแล้ว ผมนอนแผ่กลางห้องด้วยความเจ็บปวด มองไปยังเพดานที่ไม่มีแม้ความหวังอันใดปรากฏอยู่ หากนายคิดถึงฉันก็ช่วยโผล่มาจากที่ใดที่หนึ่งในบ้านหลังนี้ที ผมหลับตาและคิด แม้ภายในจะไม่มีแสงเล็ดลอดแห่งความหวังใดสอดส่องอยู่เลย สิ่งที่ผมภาวนาก็คือหากลืมตาขึ้นแล้ว ทุกอย่างคือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้น และช่วงเวลาเหล่านั้นคือค่ำคืนหนึ่งที่ผมแค่อ่านการ์ตูนมากเกินไป แต่ผมไม่กล้าแม้จะเปิดเปลือกตาเพียงข้างใดข้างหนึ่ง
            น้ำตาที่เอ่อล้นนั้นหนักเกินกว่าจะทำให้ดวงตาของผมเปิดได้



คาเมะคุง
9/12/55
วันที่โดราเอมอนปรากฏตัว

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2555 เวลา 08:08

    T_____________T
    อ่านจบแทบจะร้องไห้

    ตอนเด็กๆเราก็ติดโดเรมอน
    แต่เสียใจที่หาซื้อเล่มหนึ่งไม่ได้
    เล่มแรกที่เราซื้อเลยเป็นเล่มที่สาม

    เอาจริงตอนนี้เรายังอยากมีโดเรม่อนเป็นของตัวเองอยู่เลย
    เห้ออออ. .

    biblion

    ตอบลบ
  2. โรญจน์ นี่ชื่อแปลกดีครับ

    ตอบลบ